วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ไมโครซอฟท์ประกาศออก Edge WebView2 SDK รุ่นใช้งานจริงสำหรับแอพพลิเคชั่น .NET, เพิ่มตัวเลือกแจกจ่าย Runtime แบบ Fixed version

ไมโครซอฟท์ประกาศออก Edge WebView2 SDK รุ่นใช้งานจริงสำหรับแอพพลิเคชั่น .NET, เพิ่มตัวเลือกแจกจ่าย Runtime แบบ Fixed version


ไมโครซอฟท์ประกาศออก Edge WebView2 SDK รุ่นใช้งานจริงสำหรับแอพพลิเคชั่น .NET, เพิ่มตัวเลือกแจกจ่าย Runtime แบบ Fixed version

Posted: 06 Dec 2020 07:02 AM PST

หลังจากไมโครซอฟท์ได้ออก Edge WebView2 SDK ตัวช่วยเรนเดอร์หน้าเว็บบนแอพวินโดวส์ล่าสุดที่มาเปลี่ยนมาใช้เอนจิน Chromium ให้กับแอพพลิเคชั่นแบบ Win32 C/C++ มาได้ระยะหนึ่ง

ตอนนี้ก็มาถึงคราวของแอพวินโดวส์ที่พัฒนาด้วย .NET กันบ้าง เมื่อไมโครซอฟท์ได้ประกาศออกรุ่นใช้งานจริงของ WebView2 SDK สำหรับแอพพลิเคชั่นตระกูล .NET เป็นที่เรียบร้อย

ทำให้การพัฒนาแอพวินโดวส์ทั้งแบบ WinForms และ WPF ซึ่งมีการฝังการแสดงผลจากเว็บแอพ สามารถเปลี่ยนมาใช้ WebView2 SDK เพื่อใช้ประโยชน์จากเอนจิน Chromium ที่เรนเดอร์หน้าเว็บได้ตรงกับเบราว์เซอร์ส่วนใหญ่ในท้องตลาดได้แล้ว

alt="ภาพ mockup ตัวอย่างการใช้ WebView2 บนแอพวินโดวส์จากเว็บไมโครซอฟท์"

และสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องความเข้ากันได้กับแอพพลิเคชั่นเดิมที่เคยพัฒนามาก่อนหน้านี้ WebView2 SDK นั้นรองรับการรันบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ย้อนหลังไปได้ถึง Windows 7 และยังสามารถเลือกเวอร์ชันของ .NET ที่ใช้พัฒนาได้ทั้ง .NET Framework (4.6.2 ขึ้นไป), .NET Core 3.1 ไปจนถึงเวอร์ชันล่าสุดอย่าง .NET 5

ในโอกาสเดียวกันไมโครซอฟท์ยังได้ประกาศออก distribution mode หรือตัวเลือกแจกจ่าย WebView2 Runtime ไปกับแอพวินโดวส์แบบใหม่ที่มีชื่อว่า Fixed version ซึ่งเป็นการกำหนดให้แอพเลือกใช้ WebView2 เวอร์ชันที่ได้แพครวมไว้กับแอพเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ได้เกิดปัญหาด้านความเข้ากันได้กับหน้าเว็บหากมีการอัพเดต WebView2 ในภายหลัง

เพิ่มเติมจากตัวเลือกแจกจ่าย Runtime แบบเดิมคือ Evergreen ซึ่งเป็นการเปิดให้ WebView2 อัพเดตตัวเองแบบอัตโนมัติ ซึ่งมีข้อดีคนละอย่างกับตัวเลือกบนคือ เพื่อทำให้หน้าเว็บได้ใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ และยังช่วยมั่นใจว่า WebView2 จะได้รับแพทช์ความปลอดภัยล่าสุดเสมอ

alt="ภาพอธิบายประโยชน์ที่จะได้รับการ WebView2 แบ่งออกเป็น 9 หัวข้อใหญ่จากเว็บไมโครซอฟท์"

นักพัฒนาท่านใดสนใจเข้าไปอ่านรายละเอียดได้จากเอกสารบนเว็บไมโครซอฟท์ครับ

ที่มา - Windows Blogs via MSPoweruser

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

Craig Federighi พูดถึง Windows บนชิป M1 บอกฮาร์ดแวร์พร้อม ขึ้นกับไมโครซอฟท์จะทำไหม

Craig Federighi พูดถึง Windows บนชิป M1 บอกฮาร์ดแวร์พร้อม ขึ้นกับไมโครซอฟท์จะทำไหม


Craig Federighi พูดถึง Windows บนชิป M1 บอกฮาร์ดแวร์พร้อม ขึ้นกับไมโครซอฟท์จะทำไหม

Posted: 21 Nov 2020 06:43 PM PST

Craig Federighi หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์ Ars Technica ในประเด็น Apple M1

เขาตอบคำถามที่หลายคนอยากรู้เรื่องการรัน Windows บนชิป Apple M1 ว่าในทางเทคนิคแล้ว M1 สามารถรันระบบปฏิบัติการอื่นๆ ที่รองรับ ARM ได้ และแอปเปิลก็มีเทคโนโลยีพื้นฐานในการรันระบบปฏิบัติการ ARM ที่รองรันแอพพลิเคชันแบบ x86 ให้หมดแล้ว ที่เหลือขึ้นกับการตัดสินใจของไมโครซอฟท์แล้วว่าจะทำหรือไม่

เขายังพูดถึงแผนการซัพพอร์ตเครื่องแมคที่ใช้ซีพียูอินเทล ว่าจะยังทำต่อไป ในมุมมองของแอปเปิลไม่ได้แยก macOS เวอร์ชัน x86 และ ARM แต่ใช้โค้ดเดียวกัน มองเป็นโครงการเดียวกัน ในปีหน้า แอปเปิลจะออก macOS ที่เป็น universal รองรับทั้งสองระบบไปอีกนาน (years to come)

ที่มา - Ars Technica

No Description

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

กูเกิลเปิดเผยช่องโหว่วินโดวส์ หลังให้เวลาไมโครซอฟท์เพียง 7 วันหลังแจ้งเพราะพบช่องโหว่ถูกใช้โจมตีแล้ว

กูเกิลเปิดเผยช่องโหว่วินโดวส์ หลังให้เวลาไมโครซอฟท์เพียง 7 วันหลังแจ้งเพราะพบช่องโหว่ถูกใช้โจมตีแล้ว


กูเกิลเปิดเผยช่องโหว่วินโดวส์ หลังให้เวลาไมโครซอฟท์เพียง 7 วันหลังแจ้งเพราะพบช่องโหว่ถูกใช้โจมตีแล้ว

Posted: 31 Oct 2020 07:55 AM PDT

Project Zero ของกูเกิลเปิดเผยรายละเอียดช่องโหว่ CVE-2020-17087 ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์ให้สามารถระดับสิทธิ์ของตัวเองหรือเจาะทะลุ sandbox ในระบบ โดยรายงานของ Project Zero เปิดเผยทั้งรายละเอียดและตัวอย่างโค้ดทดสอบช่องโหว่ ซึ่งโดยปกติแล้วการเปิดเผยรายละเอียดเช่นนี้จะเปิดเผยหลังผู้ผลิตปล่อยแพตช์แก้ไขช่องโหว่ออกมาแล้วระยะหนึ่ง

กรณีนี้กูเกิลระบุว่าตรวจพบการโจมตีอย่างเจาะจง โดยไม่เปิดเผยว่าเป็นการโจมตีหน่วยงานใด แต่บอกเพียงว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ

กูเกิลคาดว่าไมโครซอฟท์จะปล่อยแพตช์ช่องโหว่นี้พร้อมกับแพตช์ประจำเดือนในวันที่ 10 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ทางด้านไมโครซอฟท์ระบุกับ The Register ว่าบริษัทพยายามออกแพตช์ให้ทันเส้นตายเสมอ แต่ทั้งนี้ก็ต้องให้ความสมดุลกับคุณภาพของแพตช์ไปพร้อมกันด้วย และกรณีนี้ช่องโหว่ก็เป็นช่องโหว่ที่คนร้ายต้องส่งโค้ดมารันบนเครื่องเหยื่อเสียก่อน และก่อนหน้านี้ที่มีการโจมตีก็เป็นการอาศัยช่องโหว่ CVE-2020-15999 ของเบราว์เซอร์ในกลุ่ม Chromium ที่ออกแพตช์ไปแล้วก่อนหน้านี้

ที่มา - The Register, Project Zero

No Description

ตัวอย่างโค้ดโจมตีช่องโหว่ใหม่ในวินโดวส์ของ Project Zero

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตเพื่อลบ Flash Player ออกจาก Windows แล้ว

ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตเพื่อลบ Flash Player ออกจาก Windows แล้ว


ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตเพื่อลบ Flash Player ออกจาก Windows แล้ว

Posted: 27 Oct 2020 08:21 PM PDT

ไมโครซอฟท์ออกอัพเดต KB4577586 ถอด Adobe Flash Player ออกจาก Windows อย่างถาวร ตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อเตรียมรับการหมดระยะซัพพอร์ตของ Flash วันสิ้นปี 2020

ตอนนี้ช่องทางการอัพเดตยังผ่าน Microsoft Update Catalog หรือดาวน์โหลดแยกต่างหากเท่านั้น ส่วนการปล่อยผ่าน Windows Update สำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะตามมาในช่วงต้นปี 2021 หลังวันตายของ Flash แล้ว

อัพเดตตัวนี้ใช้ได้กับ Windows รุ่นเก่าย้อนไปถึง Windows 8 และ Windows Server 2012 หลังติดตั้งแล้วจะไม่สามารถนำ Flash กลับมาได้อีกเลย

No Description

ที่มา - Microsoft, Neowin

Work from Home ดัน Surface โต 37%, Windows เชิงพาณิชย์ลด 22% แต่คอนซูเมอร์โต 31%

Posted: 27 Oct 2020 07:23 PM PDT

เก็บตกรายละเอียดผลประกอบการไมโครซอฟท์ Q3/2020 ฝั่งของ Surface และ Windows

ยอดขาย Surface ในไตรมาสนี้เติบโตถึง 37% จากปีก่อน มีรายได้รวม 1,553 พันล้านดอลลาร์ แม้น้อยกว่าตัวเลขของไตรมาสที่แล้ว 1,724 พันล้านดอลลาร์ จากปัจจัย Work from Home ที่คนเริ่มทำงานอยู่บ้านกันในไตรมาส 2

ไมโครซอฟท์อธิบายว่ายอดขาย Surface ที่เพิ่มขึ้นมาจากปัจจัยความต้องการพีซีที่พุ่งขึ้น และการปรับรอบการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ นั่นคือ Surface Go 2 และ Surface Laptop 3 ที่เริ่มวางขายในช่วงเดือน พ.ค. และขายต่อเนื่องต่อมาในไตรมาส 3 นั่นเอง (แปลว่าสินค้ากลุ่มนี้ขายดีพอสมควร แม้ว่าไมโครซอฟท์ไม่ได้เปิดเผยยอดขายแยกตามรุ่นก็ตาม)

ส่วนยอดขายไลเซนส์ Windows ก็น่าสนใจ เพราะปัจจัย Work from Home ทำให้ยอดขายไลเซนส์เชิงพาณิชย์ลดลงถึง 22% จากปีก่อน (เพราะบริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ ชะลอการซื้อพีซีใหม่) แต่ไลเซนส์ฝั่งคอนซูเมอร์กลับเติบโตถึง 31% เพราะคนซื้อพีซีมาใช้ส่วนตัวกันมากขึ้นแทน แนวโน้มนี้ไปในทิศทางเดียวกับรายงานของ IDC และ Gartner ที่บอกว่ายอดขายพีซีเพิ่มสูงขึ้นที่สุดในรอบ 10 ปี

No Description

ที่มา - VentureBeat, Microsoft

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2563

Eric S. Raymond เชื่อสุดท้ายไมโครซอฟท์จะใช้ลินุกซ์เป็นเคอร์เนลหลัก กลับข้างวินโดวส์กลายเป็นอีมูเลเตอร์

Eric S. Raymond เชื่อสุดท้ายไมโครซอฟท์จะใช้ลินุกซ์เป็นเคอร์เนลหลัก กลับข้างวินโดวส์กลายเป็นอีมูเลเตอร์


Eric S. Raymond เชื่อสุดท้ายไมโครซอฟท์จะใช้ลินุกซ์เป็นเคอร์เนลหลัก กลับข้างวินโดวส์กลายเป็นอีมูเลเตอร์

Posted: 28 Sep 2020 10:50 AM PDT

ไมโครซอฟท์ทุ่มเทกับการพัฒนาและซัพพอร์ตลินุกซ์อย่างมากในช่วงหลังนับเป็นแนวทางที่หลายคนแสดงความประหลาดใจ ตั้งแต่การปล่อย VSCode บนลินุกซ์, การรองรับเคอร์เนลลินุกซ์ผ่าน WSL, เปิดให้ลินุกซ์รองรับ exFAT, พัฒนา Edge บนลินุกซ์, และล่าสุด WSL ก็เตรียมรองรับแอป GUI สัปดาห์ที่แล้ว Eric S. Raymond (ESR) นักวิชาการคอมพิวเตอร์ผู้สนับสนุนโอเพนซอร์สมายาวนานก็ออกมาวิเคราะห์ว่าสุดท้ายแล้วไมโครซอฟท์จะหันมาใช้เคอร์เนลลินุกซ์เป็นหลักแทน และเปลี่ยนเคอร์เนลวินโดวส์ให้เป็นเพียงอีมูเลเตอร์ที่มีไว้รองรับแอปพลิเคชั่นเก่าเท่านั้น

ESR ให้เหตุผลว่าระบบปฎิบัติการเดสก์ทอปกำลังลดควมสำคัญลงไปเรื่อยๆ และแนวโน้มยอดขายพีซีที่ลดลงจะทำให้วินโดวส์กลายเป็นโครงการสร้างค่าใช้จ่ายของไมโครซอฟท์แทนที่จะทำกำไร ธุรกิจที่ทำเงินจริงๆ คือบริการอย่าง Azure มากกว่า

เขายกตัวอย่างโครงการ Proton ของ Valve ที่สร้างอีมูเลเตอร์เพื่อให้เกมบนวินโดวส์รันบนลินุกซ์ได้ โดยเกมนั้นต้องทดสอบหนักกว่าแอปพลิเคชั่นด้านธุรกิจมาก และหากพอร์ตมาจริงๆ ก็น่าจะรันแอปพลิเคชั่นจำนวนมากได้แล้ว

บทวิเคราะห์ของ ESR ดูจะเป็นการสนองความฝันว่าเมื่อใดลินุกซ์จึงจะชนะในตลาดเดสก์ทอป โดย ESR ระบุว่าชัยชนะของลินุกซ์ไม่ได้มาจากการไปเบียดตลาดจากวินโดวส์แต่เป็นการอยู่ร่วมกัน และเขามองว่าแนวทางนี้อาจจะเป็นแนวทางเดียวที่เป็นไปได้ ( Perhaps this is always how it had to be.)

ที่มา - Armed and Dangerous

No Description

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2563

Flutter รองรับการเขียนแอพบนวินโดวส์แล้ว อนาคตจะรองรับ Xbox ด้วย

Flutter รองรับการเขียนแอพบนวินโดวส์แล้ว อนาคตจะรองรับ Xbox ด้วย


Flutter รองรับการเขียนแอพบนวินโดวส์แล้ว อนาคตจะรองรับ Xbox ด้วย

Posted: 23 Sep 2020 05:08 PM PDT

Flutter เฟรมเวิร์คสำหรับเขียน UI ของกูเกิลที่ใช้ภาษา Dart เริ่มต้นจากมือถือ Android/iOS แต่เมื่อได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ประกาศรองรับแพลตฟอร์มมากขึ้น เริ่มจากเว็บ, แมค, ลินุกซ์ และล่าสุดมาถึงวินโดวส์แล้ว

ทีมงาน Flutter บอกว่าวินโดวส์เป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์เกิน 1 พันล้านชิ้น และจากสถิติก็พบว่านักพัฒนา Flutter เกินครึ่งใช้วินโดวส์อยู่แล้ว การรองรับวินโดวส์จึงเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างมาก

แต่การขยายมายังแพลตฟอร์มใหม่ๆ ก็มีความซับซ้อน เพราะต้องปรับสถาปัตยกรรมของ Flutter ให้เข้ากับแพลตฟอร์มนั้นๆ เช่น กรณีของวินโดวส์ต้องใช้เอนจินกราฟิก Skia เรนเดอร์บน DirectX อีกทีให้มีประสิทธิภาพดี, แอพแต่ละตัวต้องมีโปรแกรมเป็น Win32/C++ ที่คอยโหลดโค้ด Flutter มาอีกที เป็นต้น

No Description

ตอนนี้ Flutter รองรับวินโดวส์ด้วยสถานะแบบอัลฟ่า (ต้องเปิดแชนเนล dev และ enable-windows-desktop) รองรับ Windows 7 ขึ้นไป แอพที่เขียนยังมีเฉพาะแบบ Win32 แต่ทีมงานก็ประกาศจะรองรับแอพแบบ UWP ด้วยในอนาคต เพื่อให้ใช้กับอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่ใช้แกนของวินโดวส์ (เช่น Xbox หรือ Windows 10X) ได้ด้วย

เดโมการรัน Flutter บน Xbox

No Description

เดโมการรัน Flutter บนอีมูเลเตอร์ Windows 10X

No Description

ที่มา - Flutter

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2563

ภาษา Swift ออกเวอร์ชัน 5.3 ใช้งานบน Windows ได้แล้ว

ภาษา Swift ออกเวอร์ชัน 5.3 ใช้งานบน Windows ได้แล้ว


ภาษา Swift ออกเวอร์ชัน 5.3 ใช้งานบน Windows ได้แล้ว

Posted: 22 Sep 2020 07:13 PM PDT

ภาษา Swift พัฒนาขึ้นโดยแอปเปิล เพื่อใช้บนแพลตฟอร์มของแอปเปิลเองเป็นหลัก (iOS, macOS, watchOS, tvOS) และด้วยโครงสร้างแพลตฟอร์มที่คล้ายกัน ทำให้ Swift รองรับการใช้งานบนลินุกซ์ด้วย (ดิสโทรที่รองรับอย่างเป็นทางการคือ Ubuntu, CentOS, Amazon Linux 2)

ล่าสุด Swift ประกาศออกเวอร์ชัน 5.3 ที่มีฟีเจอร์สำคัญคือรองรับแพลตฟอร์ม Windows เต็มรูปแบบ ซึ่งทีมงาน Swift บอกว่าการรองรับ Windows ไม่ได้เป็นแค่การพอร์ตคอมไพเลอร์ แต่รวมถึงไลบรารีและเครื่องมืออื่นๆ ด้วย

ในการเขียน Swift บน Windows จำเป็นต้องใช้ Visual Studio 2019, Windows 10 SDK, Windows Universal C Runtime และดาวน์โหลดแพ็กเกจของ Swift เพิ่มเติมได้จากหน้าเว็บไซต์

ที่มา - Swift (5.3), Swift (Windows)

No Description

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Windows 95 อายุครบ 25 ปีแล้ว

Windows 95 อายุครบ 25 ปีแล้ว


Windows 95 อายุครบ 25 ปีแล้ว

Posted: 24 Aug 2020 08:19 PM PDT

Windows 95 มีอายุครบ 25 ปีแล้วเมื่อวานนี้ (ออก 24 สิงหาคม 1995) ถือเป็นก้าวสำคัญของระบบปฏิบัติการสำหรับพีซี ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดหลายอย่าง เช่น Start Menu, Task Bar, Recycled Bin ที่ยังใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้

เนื่องในโอกาส Windows 95 ครบ 25 ปี ไมโครซอฟท์จึงทำคลิปฉลองมาให้ดูกัน

ที่มา - Microsoft

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2563

กูเกิลเผยรายละเอียดการรันแอพ Windows บน Chrome OS ผ่าน Parallels

กูเกิลเผยรายละเอียดการรันแอพ Windows บน Chrome OS ผ่าน Parallels


กูเกิลเผยรายละเอียดการรันแอพ Windows บน Chrome OS ผ่าน Parallels

Posted: 02 Aug 2020 06:04 PM PDT

จากข่าวเมื่อเดือนมิถุนายน ว่ากูเกิลจับมือ Parallels พัฒนาแนวทางรันแอพ Windows บน Chrome OS ทีมงานของกูเกิลเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในบทสัมภาษณ์กับ The Verge ดังนี้

  • กลุ่มเป้าหมายของการรันแอพ Windows บน Chrome OS คือตลาดองค์กร ที่สนใจย้ายมาใช้ Chrome OS แต่ติดขัดเรื่องแอพเก่าบางตัว
  • เบื้องหลังการทำงานไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นการรัน Parallels Desktop ใน Chrome OS แล้วบูต Windows ขึ้นมาข้างในอีกที (แปลว่าจำเป็นต้องซื้อไลเซนส์ Windows ด้วย)
  • ฝั่ง Chrome OS จะช่วย redirect การเปิดไฟล์บางประเภทให้รันจากแอพ Windows ใน Parallels ได้เลย เพื่อให้การใช้งานราบรื่นขึ้น และในอนาคตจะพัฒนาเทคนิคที่ให้รันแอพได้โดยไม่ต้องเปิด Windows เดสก์ท็อปขึ้นมาก่อน สามารถรันแอพ Windows เคียงคู่ไปกับแอพ Chrome OS ได้เลย
  • กูเกิลเคยลองพยายามใช้ท่า dual boot มาก่อน แต่พบว่าไม่เวิร์ค เพราะติดเรื่องความปลอดภัยของกระบวนการบูต ที่เป็นจุดแข็งของ Chrome OS จึงหันมาจับมือกับ Parallels ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้แทน
  • Chromebook ที่จะรันแอพ Windows ได้ต้องมีสเปกแรงพอสมควร ซึ่งยังไม่ระบุชัดว่าเท่าไร
  • ตอนนี้ยังไม่ประกาศวันเปิดให้ใช้งาน บอกแค่ว่าภายในปีนี้ และยังไม่บอกราคาค่าไลเซนส์ของ Parallels

ภาพตัวอย่างการรัน Excel บน Parallels บน Chrome OS

No Description

ที่มา - The Verge

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ไมโครซอฟท์หยุดออกไบนารี PHP For Windows มีผลตั้งแต่ PHP 8.0 เป็นต้นไป

ไมโครซอฟท์หยุดออกไบนารี PHP For Windows มีผลตั้งแต่ PHP 8.0 เป็นต้นไป


ไมโครซอฟท์หยุดออกไบนารี PHP For Windows มีผลตั้งแต่ PHP 8.0 เป็นต้นไป

Posted: 10 Jul 2020 07:49 PM PDT

ไมโครซอฟท์ส่งอีเมลแจ้งเข้ากลุ่มนักพัฒนา PHP ว่าจะหยุดซัพพอร์ต PHP บนแพลตฟอร์มวินโดวส์ มีผลนับตั้งแต่ PHP 8.0 (ปัจจุบันเป็น Alpha 1) เป็นต้นไป

ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์เป็นผู้ดูแลโครงการ PHP For Windows บนเว็บไซต์ PHP.net และทำหน้าที่พัฒนา-ออกไบนารีของ PHP เวอร์ชันวินโดวส์ (php.exe) ตามอัพเดตทุกเวอร์ชันย่อย

ไมโครซอฟท์ไม่ได้ระบุเหตุผลที่หยุดออกไบนารีของ PHP 8.0 บนวินโดวส์ แต่สัญญาว่าจะยังออกไบนารีของ PHP 7.2, 7.3, 7.4 ไปจนหมดระยะเวลาซัพพอร์ตของ PHP.net

ผู้ใช้ชื่อ SaraMG ซึ่งระบุว่าเป็นหนึ่งในทีมพัฒนา PHP แสดงความเห็นในกระทู้ Reddit ว่าประกาศนี้คือไมโครซอฟท์ยุติหน้าที่การออกไบนารี PHP 8.0 บนวินโดวส์เท่านั้น ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่ได้เห็น PHP บนวินโดวส์อีก เพราะจะมีนักพัฒนาคนอื่นเข้ามารับช่วงงานนี้ต่อไป

ที่มา - PHP.net, Reddit

No Description

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2563

กูเกิลเสนอตัวไมโครซอฟท์ ใช้ Flutter เชื่อมการพัฒนาแอพระหว่าง Android และ Windows

กูเกิลเสนอตัวไมโครซอฟท์ ใช้ Flutter เชื่อมการพัฒนาแอพระหว่าง Android และ Windows


กูเกิลเสนอตัวไมโครซอฟท์ ใช้ Flutter เชื่อมการพัฒนาแอพระหว่าง Android และ Windows

Posted: 21 Jun 2020 02:07 AM PDT

ความนิยมในโครงการ Flutter ทำให้มันขยายจากการเขียน UI ของแอพมือถือไปสู่การเขียนเว็บ และแอพเดสก์ท็อป โดยเริ่มจาก macOS เป็นแพลตฟอร์มแรก ส่วน Windows/Linux จะตามมาในลำดับถัดไป

ล่าสุด Flutter ออกมาอธิบายความคืบหน้าของเวอร์ชัน Windows โดยบอกว่าปัจจุบัน Windows มีโมเดลการพัฒนาแอพ 2 แบบ ได้แก่ Win32 ที่มีจุดเด่นเรื่องการใช้ได้บน Windows เวอร์ชันเก่าด้วย และ UWP ที่รันได้เฉพาะบน Windows 10 ขึ้นไป แต่ก็ขยายไปยังแพลตฟอร์มอื่นอย่าง Xbox หรือ Windows 10X ได้ง่าย

ทีมงาน Flutter บอกว่ากำลังทดลองความเป็นไปได้ในแบบต่างๆ และประกาศว่ายินดีทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์ในเรื่องนี้ เพราะมองว่าไมโครซอฟท์กำลังพยายามเชื่อมต่อ Android กับ Windows ผ่านอุปกรณ์สองจอ (Surface Duo/Neo) และ Flutter เป็นโซลูชันที่เหมาะสมมากในการพัฒนาแอพครั้งเดียว ใช้งานได้ข้ามแพลตฟอร์ม

No Description

หน้าตาของแอพ Win32 ที่เขียนด้วย Flutter

No Description

ที่มา - Flutter Blog

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Google รองรับ Windows Hello สำหรับการยืนยันตัวตนเมื่อใช้บัตรเครดิตแทน CVC

Google รองรับ Windows Hello สำหรับการยืนยันตัวตนเมื่อใช้บัตรเครดิตแทน CVC


Google รองรับ Windows Hello สำหรับการยืนยันตัวตนเมื่อใช้บัตรเครดิตแทน CVC

Posted: 22 May 2020 06:30 AM PDT

Chrome ที่มีการจดจำบัตรเครดิตผู้ใช้งานเอาไว้ให้ เพื่อความง่ายเวลาต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิต จะใช้การยืนยันตัวตนความเป็นเจ้าของบัตรเครดิตด้วยการให้กรอกเลข CVC 3 หลักข้างหลังบัตร ล่าสุด Chrome รองรับการใช้ Windows Hello เพื่อยืนยันตัวตนแทนการกรอก CVC แล้ว

ฟีเจอร์นี้อาจจะไม่ใช่ฟีเจอร์ใหม่ เพราะมีคนโพสต์ในฟอรัม Google Support ตั้งแต่เดือนมีนาคม ขณะที่ผมลองเช็ค Chrome ของตัวเองก็พบว่ามีฟีเจอร์นี้แล้ว โดยสามารถเข้าไปเปิดได้ที่ Settings > Payment Methods และเลือกเปิด Windows Hello

ที่มา - XDA

No Description

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563

Microsoft จะหยุดอัพเดต Windows ที่ไม่จำเป็นชั่วคราว เน้นโฟกัสกับอัพเดตความปลอดภัยก่อน

Microsoft จะหยุดอัพเดต Windows ที่ไม่จำเป็นชั่วคราว เน้นโฟกัสกับอัพเดตความปลอดภัยก่อน


Microsoft จะหยุดอัพเดต Windows ที่ไม่จำเป็นชั่วคราว เน้นโฟกัสกับอัพเดตความปลอดภัยก่อน

Posted: 24 Mar 2020 06:16 PM PDT

Microsoft ประกาศว่าตอนนี้ทางบริษัทกำลังจะหยุดออกอัพเดตประเภทตัวเลือกที่ไม่ใช่ความปลอดภัย (optional non-security) ชั่วคราวสำหรับ Windows และผลิตภัณฑ์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด เพื่อให้บริษัทโฟกัสกับงานอัพเดตด้านความปลอดภัย

สำหรับอัพเดตที่ Microsoft จะหยุดชั่วคราวก่อนคืออัพเดตประเภท C และ D ซึ่งจะปล่อยออกมาในช่วงสัปดาห์ที่ 3-4 ของแต่ละเดือน ซึ่งการอัพเดตเหล่านี้จะรวมการแก้ไขปัญหาหรือปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มเติมที่ไม่ใช่ด้านความปลอดภัยด้วย

Microsoft ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม ดังนั้นในเดือนเมษายนจะยังคงออกอัพเดตตามปกติ

ส่วนการอัพเดตความปลอดภัย Microsoft ระบุว่าทางบริษัทจะยังคงปล่อยอัพเดตความปลอดภัยรายเดือนหรืออัพเดตประเภท B ที่จะปล่อยตามรอบในช่วงวันอังคารสัปดาห์ที่สองของแต่ละเดือนหรือ Patch Tuesday เช่นเดิม

นอกจากนี้ Microsoft ยังประกาศเลื่อนระยะเวลา end of service สำหรับ Windows 10 เวอร์ชัน Enterprise, Education และ IoT Enterprise จากวันที่ 14 เมษายนเป็นวันที่ 13 ตุลาคมด้วย

การประกาศเช่นนี้เนื่องจากในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ทำให้บริษัทต้องปรับตารางงานใหม่ เช่นเดียวกับ Chrome ที่ประกาศหยุดออกเวอร์ชันใหม่ชั่วคราวไปแล้ว

ที่มา - Engadget, Microsoft

No Description

วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563

ไมโครซอฟท์พบช่องโหว่ระดับวิกฤติบน Windows กระทบทุกรุ่น เปิดช่องโจมตีทางไกล ยังไม่มีแพตช์

ไมโครซอฟท์พบช่องโหว่ระดับวิกฤติบน Windows กระทบทุกรุ่น เปิดช่องโจมตีทางไกล ยังไม่มีแพตช์


ไมโครซอฟท์พบช่องโหว่ระดับวิกฤติบน Windows กระทบทุกรุ่น เปิดช่องโจมตีทางไกล ยังไม่มีแพตช์

Posted: 23 Mar 2020 09:59 PM PDT

ไมโครซอฟท์ประกาศพบช่องโหว่ร้ายแรงระดับวิกฤติ (critical) ในไลบรารี Adobe Type Manager ที่ช่วยเรนเดอร์ฟอนต์บน Windows โดยวิธีการของแฮกเกอร์คือจะหลอกให้เหยื่อเปิดไฟล์เอกสารหรือเปิดพรีวิวผ่าน Windows Preview และเปิดช่องให้แฮกเกอร์รันโค้ดทางไกลได้

ไมโครซอฟท์ระบุว่าช่องโหว่นี้ยังไม่มีแพตช์และกระทบทุกเวอร์ชันย่อยของ Windows ตั้งแต่ Windows 10, Windows 8.1, Windows 8.1 RT, WIndows 7, Windows Server 2019, Windows Server 2016, Windows Server 2012 R2, Windows Server 2012, Windows Server 2008 R2 และ Windows Server 2008 ขณะที่การโจมตีด้วยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นแล้วแต่เป็นแบบเจาะจงเป้าหมาย (limited targeted attack)

ตามปกติไมโครซอฟท์จะอัพเดตแพตช์ใน Patch Tuesday ทุกอังคารที่ 2 ของเดือนเท่ากับว่าช่องโหว่นี้ต้องรอกลางเดือนหน้าถึงจะมีแพตช์อุด ซึ่งไมโครซอฟท์ก็แนะนำวิธีลดความเสี่ยง อย่างการปิดการใช้งาน (disable) Preview Pane และ Details Pane ใน Windows Explorer ก่อน

ที่มา - Microsoft Security Response Center

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563

Microsoft ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ SMBv3 บน Windows 10 และ Windows Server 2019 แล้ว

Microsoft ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ SMBv3 บน Windows 10 และ Windows Server 2019 แล้ว


Microsoft ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ SMBv3 บน Windows 10 และ Windows Server 2019 แล้ว

Posted: 12 Mar 2020 04:47 PM PDT

ไมโครซอฟต์ออกแพตช์ KB4551762 เพื่อแก้ปัญหา CVE-2020-0796 ที่เป็นช่องโหว่ของ SMBv3 ซึ่งมีรายงานออกมาเมื่อวานนี้ โดยเป็นช่องโหว่ให้รันโค้ดระยะไกล มีระดับความร้ายแรงวิกฤติ

ระบบปฏิบัติการที่ได้รับผลกระทบคือ Windows เวอร์ชันใหม่ ๆ ได้แก่ Windows 10 เวอร์ชัน 1903 และ 1909 รวมทั้ง Windows Server 2019 เวอร์ชัน 1903 และ 1909 เช่นกัน

เดิมทีไมโครซอฟต์ไม่มีแผนออกแพตช์รายการนี้ในเดือนมีนาคม แต่เนื่องจากมีรายงานช่องโหว่เผยแพร่ออกมาสู่สาธารณะก่อน แพตช์นี้จึงออกมาโดยเร็วที่สุด

ที่มา: ZDNet

Microsoft Patch

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563

ไมโครซอฟท์แจ้งเตือนช่องโหว่ SMBv3 ยังไม่มีแพตช์แต่คอนฟิกลดความเสี่ยงได้

ไมโครซอฟท์แจ้งเตือนช่องโหว่ SMBv3 ยังไม่มีแพตช์แต่คอนฟิกลดความเสี่ยงได้


ไมโครซอฟท์แจ้งเตือนช่องโหว่ SMBv3 ยังไม่มีแพตช์แต่คอนฟิกลดความเสี่ยงได้

Posted: 11 Mar 2020 09:48 PM PDT

ไมโครซอฟท์แจ้งเตือนช่องโหว่ CVE-2020-0796 ที่เป็นช่องโหว่ของ SMBv3 กระทบวินโดวส์รุ่นใหม่ๆ อย่าง Windows 10 และ Windows Server เวอร์ชั่น 1903 และ 1909 เป็นช่องโหว่รันโค้ดระยะไกลความร้ายแรงระดับวิกฤติ โดยยังไม่มีแพตช์

ที่น่ากังวลเป็นพิเศษ คือ Cisco Talos ออกรายงานช่องโหว่นี้แต่ลบไปภายหลัง รายงานระบุว่าช่องโหว่นี้เปิดทางสร้าง worm ได้ (wormable) โดยช่องโหว่ในกลุ่มนี้ที่ผ่านมามักร้ายแรงจนไมโครซอฟท์ออกแพตช์พิเศษให้ แม้แต่วินโดวส์รุ่นที่หมดอายุซัพพอร์ตไปแล้วก็ตาม อย่างไรก็ดีรายงานของไมโครซอฟท์เองไม่ได้ระบุว่าเป็นช่องโหว่ wormable แต่อย่างใด

ช่องโหว่ในโปรโตคอล SMB เคยสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างจากมัลแวร์ WannaCry และ NotPetya ที่ใช้ซอฟต์แวร์ EternalBlue ที่น่าจะหลุดออกมาจาก NSA สร้างความเสียหายได้เป็นวงกว้าง แต่ช่องโหว่ใหม่นี้ยังไม่มีตัวอย่างโค้ดโจมตีหลุดออกมา และการสร้างเครื่องมือโจมตีที่เสถียรจนโจมตีได้รวดเร็วก็น่าจะใช้เวลาอีกพักหนึ่ง

แม้จะยังไม่มีแพตช์ แต่ไมโครซอฟท์ให้ทางแก้ชั่วคราวด้วยการปิดการทำงานฟีเจอร์บีบอัดข้อมูลของ SMBv3 Server ด้วยคำสั่ง

Set-ItemProperty -Path "HKLM:\SYSTEM\CurrentControlSet\Services\LanmanServer\Parameters" DisableCompression -Type DWORD -Value 1 -Force

ที่มา - ArsTechnica

No Description

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ไมโครซอฟท์ปล่อยอีมูเลเตอร์สำหรับ Windows 10X แนะนำแนวทางการพัฒนาแอปสำหรับอุปกรณ์สองจอ

ไมโครซอฟท์ปล่อยอีมูเลเตอร์สำหรับ Windows 10X แนะนำแนวทางการพัฒนาแอปสำหรับอุปกรณ์สองจอ


ไมโครซอฟท์ปล่อยอีมูเลเตอร์สำหรับ Windows 10X แนะนำแนวทางการพัฒนาแอปสำหรับอุปกรณ์สองจอ

Posted: 11 Feb 2020 10:13 AM PST

ไมโครซอฟท์จัดงาน Microsoft 365 Developer Day: Dual-screen experiences นำเสนอเทคโนโลยีสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับอุปกรณ์สองจอไม่ว่าจะเป็น Windows 10X ที่จะรันบน Surface Neo หรือโทรศัพท์ Surface Duo ที่รันแอนดรอยด์ พร้อมกับประกาศปล่อยอีมูเลเตอร์ของ Windows 10X ให้ดาวน์โหลด

Windows 10X จะจำลองสภาพแวดล้อมสำหรับแอปแต่ละตัวเป็นคอนเทนเนอร์แยกจากกัน อย่างไรก็ตาม คอนเทนเนอร์สำหรับแอปพลิเคชั่นดั้งเดิมหรือ Win32 นั้นจะมีคอนเทนเนอร์เดียวทั้งระบบและทุกโปรแกรมจะใช้งานร่วมกัน

นอกจาก Windows 10X แล้วในงานนี้ไมโครซอฟท์ยังแนะนำการพัฒนาแอปสำหรับอุปกรณ์สองจอ โดยมี 3 ประเด็นได้แก่

  1. พื้นที่แสดงผลเพิ่มมากขึ้น แอปต้องใช้งานสองหน้าจอได้เต็มที่ เช่นการขยายสองจอให้รวมพื้นที่กัน หรือแสดงเป็นหน้าแบบหนังสือ
  2. มีจุดสนใจ (focused screen) แอปอาจจะแสดงข้อมูสำคัญไว้อีกหน้าจอหนึ่ง แล้วแสดงข้อมูลเสริมหรือชุดเครื่องมือไว้อีกหน้าจอ
  3. แอปทำงานเชื่อมต่อกัน ตัวแอปสามารถทำงานร่วมกับอีกแอปที่อาจจะรันอยู่บนอีกจอได้ หรือแอปเดียวกันอาจจะแยกงานออกเป็นสองส่วนเพื่อทำงานสองจอ เช่น การตอบอีเมลและอ่านอีเมลที่ผ่านมา

อุปกรณ์สองหน้าจอของจริงน่าจะวางขายปลายปีนี้ การเปิดให้นักพัฒนามาเล่นก่อนก็เป็นโอกาสสำหรับการทดสอบแอปล่วงหน้าให้แน่ใจว่าทำงานได้ดีเมื่ออุปกรณ์ออกมาจริง

ที่มา - Windows Blog

No Description

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Microsoft ปรับโครงสร้างบริหาร ให้ Panos ดูแลทีมใหม่ที่รับผิดชอบทั้ง Windows และ Hardware

Microsoft ปรับโครงสร้างบริหาร ให้ Panos ดูแลทีมใหม่ที่รับผิดชอบทั้ง Windows และ Hardware


Microsoft ปรับโครงสร้างบริหาร ให้ Panos ดูแลทีมใหม่ที่รับผิดชอบทั้ง Windows และ Hardware

Posted: 05 Feb 2020 09:56 PM PST

ไมโครซอฟท์ประกาศปรับโครงสร้างบริหารภายใน โดยมีประเด็นสำคัญคือการรวมทีม Windows และทีมฮาร์ดแวร์รวมทั้ง Surface เข้ามาเป็นทีมเดียวกัน โดยมี Panos Panay หัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์และหัวหน้าฝ่าย Surface เป็นหัวหน้าทีมใหม่นี้

นักวิเคราะห์มองว่าการปรับเปลี่ยนนี้ สะท้อนว่าไมโครซอฟท์กำลังมุ่งไปสู่ยุทธศาสตร์ควบคุมประสบการณ์ใช้งาน ตั้งแต่ระดับฮาร์ดแวร์ไปจนถึงซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการให้เป็นหนึ่งเดียว

การปรับเปลี่ยนดังกล่าว ยังไม่ทำให้ Panos ขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงของไมโครซอฟท์ โดยเขายังขึ้นตรงกับ Rajesh Jha หัวหน้าฝ่าย Experiences and Devices ต่อไป

นอกจากนี้ยังมีการปรับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงอื่น โดย Joe Belfiore ที่เดิมดูแล Windows จะย้ายไปทีม Office ส่วน Microsoft Teams ได้ Jeff Teper ซึ่งดูแล OneDrive กับ SharePoint อยู่แล้ว มารับผิดชอบเพิ่มเติม เนื่องจาก Brian Macdonald หัวหน้าทีมคนเดิมเกษียณ

ที่มา: Business Insider

alt="Panos Panay"